ขนมวง

คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่่ขนมวง

ส่วนผสม

1. แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
2. กล้วยน้ำว้าสุก 5 ลูก
3. ไข่ไก่ 3 ฟอง
4. น้ำอ้อยป่น 1 ถ้วย

วิธีการทำ

1. ผสมแป้งข้าวเหนียวและกล้วยน้ำว้าสุก นวดให้เข้ากัน
2. ใส่ไข่ไก่ นวดให้เข้ากัน
3. เติมน้ำทีละน้อย นวดไปเรื่อย ๆ
4. นวดจนส่วนผสมเข้ากัน และติดกันเป็นก้อน
5. หยิบแป้งมาคลึงให้เป็นเส้นยาว แล้วนำปลายมาชนกันเป็นวงกลม
6. ตั้งน้ำมันให้ร้อน นำแป้งที่เตรียมไว้ลงทอด
7. พอขนมเหลืองทั่ว ตักขึ้นใส่ตะแกรงพักไว้
8. เคี่ยวน้ำอ้อยจนเหนียวได้ที่ หยอดลงบนหน้าขนมวง

ขนมเทียน

ส่วนผสม แป้งขนมเทียน

► แป้งข้าวเหนียวดำ 1 กิโลกรัม
► น้ำตาลปี๊บ 200-300 กรัม

        ► ไส้ขนมเทียน
► ใบตองสำหรับห่อขนม

วิธีทำขนมเทียน

1. นำน้ำตาลปี๊บไปละลาย ใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนละลาย ปิดไฟแล้วพักทิ้งไว้จนเย็น
2. นวดผสมแป้งข้าวเหนียวดำกับน้ำตาลปี๊บที่ละลายไว้จนเข้ากันดี เตรียมไว้
3. จับใบตองให้เป็นทรงกรวย ใส่ไส้ที่ปั้นไว้ลงไป ตักส่วนผสมแป้งใส่ จากนั้นห่อให้สวยงาม เรียงลงในชุดนึ่ง
4. นำขนมไปนึ่งด้วยไฟแรงที่มีน้ำเดือดพล่าน นึ่งนานประมาณ 30 นาที จนขนมสุก ปิดไฟ นำออกจากชุดนึ่ง

ส่วนผสม ไส้ขนมเทียน (ขนมเทียนไส้เค็ม)

► ถั่วเขียวซีกเราะเปลือก 1 กิโลกรัม
► กระเทียม
► พริกไทย
► น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
► เกลือป่น (สำหรับปรุงรส)
► น้ำตาลทราย (สำหรับปรุงรส)

วิธีทำขนมเทียนไส้เค็ม

1. ล้างถั่วเขียวซีกเราะเปลือกให้สะอาด แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
2. โขลกกระเทียมกับพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด ใส่ถั่วเขียวนึ่งลงโขลกพอหยาบ
3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่ส่วนผสมไส้ลงผัดจนหอม ปรุงรสด้วยเกลือป่น และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ให้มีรสหวาน เค็ม เผ็ด ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ปั้นเป็นก้อนกลม เตรียมไว้

ขนมก้านบัว

วัตถุดิบขนมก้านบัว (ขนมไทย)

สำหรับ 3-4 คน
เวลาในการทำ 1 ชั่วโมง 20 นาที

ส่วนประกอบตัวแป้ง
1.  แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
2.  ผงฟู 1 ช้อนชา
3.  น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
4.  เกลือ 1/3 ช้อนชา
5.  ไข่ไก่แดง 1 ฟอง
6.  น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ
7.  น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
8.  กะทิ 1/2 ถ้วยตวง

ส่วนประกอบน้ำเคลือบ
1.  น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง
2.  ต้นหอมหั่น 4-5  ใบ
3.  น้ำ 1/4 ถ้วยตวง
4.  เกลือ 1/2 ช้อนชา
อุปกรณ์ที่ใช้    กระทะ มีด ตะแกรง
วิธีทำขนมก้านบัว (ขนมไทย)

1.  ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู น้ำตาลและเกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
2.  ผสมส่วนที่เป็นน้ำให้เข้ากันก่อนมี ไข่ไก่แดง น้ำมันพืช น้ำปูนใส
3.  ค่อยเทส่วนผสมน้ำ นวดกับแป้ง และใส่น้ำกะทินวดต่อจนแป้งเหนียวปั้นได้ พักแป้งไว้ 30-60 นาที
4.  ปั้นแป้งให้เป็นเส้นยาว และใช้มีดตัดให้มีความยาวเท่าๆกัน
5.  ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟปานกลาง นำขนมลงทอด คอยคนไปมาเพื่อให้ขนมสุกเหลืองทั่วกันดี ตักพักบนตะแกรงเพื่อให้สะเด็ดน้ำมัน
6.  เตรียมน้ำเคลือบ โดยนำภาชนะตั้งไฟละลายน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่า ปรุงรสชาติด้วยเกลือ เคี่ยวต่อจนเหนียว (สังเกตน้ำตาลที่ขอบถาชนะเป็นเกล็ดขาว) ใส่ต้นหอมหั่นฝอยลงไป  หรี่ไฟลง
7.  นำขนมที่ทอดพักไว้ มาคลุกกับน้ำตาลให้ทั่ว
8.  จัดใส่จานเสิร์ฟ

ขนมหน้าไข่

เครื่องปรุง / ส่วนผสม
๑.แป้งข้าวเจ้า
๒.มะพร้าว (คั้นเอาน้ำกะทิ)
๓.ไข่ไก่
๔.น้ำตาลทราย
๕.เกลือ
๖. หอมแดง ใบตะไคร้ (ใช้ขยำตอนทำหน้าไข่)
ขั้นตอน / วิธีทำ
๑. ข้าวสารเจ้ามาล้างน้ำให้สะอาด    แช่น้ำให้เมล็ดพองได้ที่แล้วนำไปโม่ให้ละเอียด (ปัจจุบันนิยมแป้งถุงสำเร็จรูป เพราะสะดวกและประหยัดเวลา)
๒. นำน้ำตาลทรายใส่ลงในแป้ง ใส่น้ำพอประมาณ คนให้น้ำตาลละลายแล้วคนด้วยผ้าขาวบาง เอาถาดสำหรับที่จะใช้นิ่งขนมไปนึ่งให้ถาดร้อน แล้วจึงเอาขนมใส่ถาด แต่ไม่ให้เต็มถาดเพราะยังต้องใส่หน้าอีกครั้ง
๓. ทำหน้าโดยเอาหัวกะทิ ไข่ไก่ น้ำตาลทราย เกลือ หอมแดง ใบตะไคร้ ขยำเข้าด้วยกันจนได้ที่แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง   แล้วนำไปเทลงในถาดขนมที่นึ่งสุกแล้วโดยใช้ไฟแรง

ฝอยทอง

วัตถุดิบฝอยทอง

เวลาในการทำ 30 นาที
ส่วนผสมสำหรับ 2-3 ที่

1. ไข่แดงของไข่เป็ด     3 ฟอง
2.  ไข่แดงของไข่ไก่      2 ฟอง
3. กลิ่นดอกมะลิ             1/2 ชช.
4. ใบเตย                         1 ใบ
5. น้ำตาลทราย              600 ก.
6. น้ำเปล่า                      400 มล.
7. เทียนอบ                     1 ชิ้น
อุปกรณ์ที่ใช้  

กระทะทองเหลือง ชามผสม กระชอน กรวยทำฝอยทอง เทียนหอม

วิธีทำฝอยทอง

1. นำน้ำเปล่า น้ำตาลทราย ใบเตย กลิ่นมะลิ ลงต้มในกระทะทองเหลือง เปิดไฟแรง ห้ามคนเด็ดขาดไม่อย่างนั้นน้ำตาลจะตกผลึก
2. ตีไข่ไก่และไข่เป็ดให้เข้ากัน นำไปกรอด้วยกระชอนตาถี่ จากนั้นตักไข่ใส่กรวยสำหรับทำฝอยทอง
3. ตักใบเตยออก และหยอดไข่ให้เป็นสาย วนให้รอบกระทะทองเหลืองประมาณ 20- 30 รอบ ต่อ 1 ชิ้น
4. ใช่ไม้ปลายแหลม ค่อยๆช้อนฝอยทองขึ้นมาให้เป็นแผ่น วางพักไว้บนตะแกรง 30 นาที
5. จุดเทียนหอมให้มีควันขึ้นมา แล้วจึงดับไฟ นำเทียนหอม ขนมฝอยทอง อบรวมกันด้วยภาชนะปิด 10 นาที ก็จะได้ฝอยทองหอมๆไว้รับประทานแล้วค่ะ

ข้าวหม้อแกง

หม้อแกงถั่ว ขนมไทยง่าย ๆ เนื้อเนียนกริบ หอม หวาน มัน

ส่วนผสม ขนมหม้อแกง

    • ถั่วเขียวนึ่งบดละเอียด  200 กรัม
          • ไข่เป็ด (ขนาดใหญ่) 5 ฟอง
          • ใบเตย
          • น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม (สูตรแม่สลิ่มใช้ 280 กรัม)
          • หัวกะทิ 400 กรัม 
          • หอมแดงซอย 50 กรัม (หรือมากน้อยตามชอบ)
          • น้ำมันพืช 

วิธีทำขนมหม้อแกง

• เริ่มต้นที่เจียวหอมแดงก่อน โดยใส่น้ำมันพืชลงในกระทะตามด้วยหอมแดง
 • เจียวให้เหลือง (แต่วันนี้เจียวไหม้ไปค่ะ)
• พอเป็นสีเหลืองก็ตักขึ้นได้เลย หรือเอาไปกรองน้ำมันออกก็ง่ายดี 
  • ตอกไข่ลงในชาม
 • นำใบเตยที่ล้างทำความสะอาดอย่างดีแล้วใส่ลงไป (เพื่อขยำให้ไข่ขึ้นฟู)
  • ล้างมือให้สะอาด ขยำใบเตยจนไข่ขึ้นฟู 
• ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปขยำให้เข้ากันดี
  • แล้วตามด้วยหัวกะทิ ขยำอีกรอบให้เข้ากัน
 • และกรองด้วยผ้าขาวบางอีก 1 รอบ
 • หลังกรองเสร็จก็ใส่ถั่วเขียวนึ่งและบดลงไป
 • ใช้มือขยำหรือวน ๆ คน ๆ ให้ถั่วไม่เป็นก้อนเหมือนในภาพ
 • นำกระทะไปตั้งไฟเพื่อกวนส่วนผสมขนม 
• เริ่มจากใส่น้ำมันหอมเจียว 3 ช้อนโต๊ะ เพื่อให้ขนมมีกลิ่นหอมและชูรสชาติให้อร่อยขึ้น
• ใส่ส่วนผสมขนมลงไปกวน กวนไม่นานนะคะ ประมาณ 5 นาที หรือจนขนมข้นขึ้น 
 • พอเนื้อเข้ากันก็ยกลงเทใส่พิมพ์ เตรียมอบได้เลย
  • ขยับ ๆ ส่าย ๆ พิมพ์สักหน่อย (ส่ายก้นไปด้วยก็ได้นะคะ) ให้หน้าขนมเรียบเสมอกัน นำเข้าไป       อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ถึง 200 องศาเซลเซียส นาน 40 นาที (แล้วแต่เตาอบด้วยนะ  เช็กเตาตัวเองดี ๆ)
• สุกแล้วเอาออกจากเตา พักให้เย็นสักครู่ค่อยตัด
 • ตัดหม้อแกงให้เป็นชิ้นสวยงาม

ลูกชุบ

วิธีทำลูกชุบสูตรหวานหอมอร่อย สีสันสวยงามน่าทาน

   ลูกชุบ ขนมไทยมีความโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่มีสีสันสวยงามหน้าตาน่ารับประทานสุดๆ และมีรสชาติหวานหอมอร่อยมากเช่นกัน ขนมลูกชุบนั้นทำมาจากถั่วเขียวกวน ปั้นเป็นรูปต่างๆ เช่น ผลไม้ ส้ม มะม่วง มังคุด ฯลฯ สีสันสวยงาม หรือจะนำมาประยุกต์ทำเป็นของหวานอื่นๆก็ได้ เช่น วุ้นลูกชุบ ตกแต่งหน้าเค้กก็น่ารับประทานยิ่ง และนอกจากรับประทานเป็นของหวานแล้ว เรายังมอบให้เป็นของฝากหรือมอบในวันเทศกาลต่างๆได้อีกด้วย

แต่จริงๆแล้ว “ลูกชุบ”เป็นขนมประจำถิ่นโปตุเกส ซึ่งแพร่หลายเข้ามาสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ถ้าเป็นขนมของโปรตุเกสนั้นเขาจะใช้เม็ดแอลมอลด์เป็นส่วนผสมสำคัญ แต่ในประเทศไทยเราไม่มีจึงใช้เป็นถั่วเขียวแทน และอีกจากข้อมูลกล่าวว่าลูกชุบ แบบชาววัง แต่เดิมไม่ได้ทำจากถั่วกวน แต่ทำจากเนื้อในของเมล็ดแตงโม กระเทาะทีละเมล็ด เอามาป่นให้ละเอียดก่อนนำมากวน แล้วจึงปั้นเป็นรูปผัก หรือผลไม้ต่าง ๆ ขนาดพอคำ ผู้คิดค้นเป็นคนแรกคือ ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ส่วนผู้คิดเติมสีธรรมชาติให้ลูกชุบมีสีสันสวยงามเหมือนจริงคือ ม.ล.เติบ ชุมสาย ณ อยุธยา (ที่มาของรายละเอียดข้างบนจาก Gourmet & Cuisine 2006)…ว่าไปแล้ว คนไทยเราสมัยก่อนท่านเก่งมากนะค่ะ ที่นอกจากรังสรรค์ความอร่อยแล้ว ยังมีความคิดสร้างสรรค์ และมีความประณีตใส่ใจในอาหารมากอีกด้วย (คริๆไม่รู้เวอร์ไปหรือเปล่านะ^^)

สำหรับใครที่กำลังมองหาสูตรลูกชุบอร่อยๆอยู่ห้ามพลาดค่ะ…เพราะวันนี้ ได้นำวิธีทำลูกชุบสูตรอร่อยมาไว้ที่นี่แล้ว เป็นสูตรมาจากคุณ Jackie Siranya สมาชิกเฟซบุ้คโพสต์ไว้ในครัวในบ้านอาหารทำเอง เป็นสูตรหวานอร่อยกำลังดี ไม่หวานเกินไป…สูตรและขั้นตอนตามนี้ค่ะ

อุปกรณ์
1. ไม้เสียบลูกชิ้น (ขนาดเล็ก)
2. แผ่นโฟม
3. พู่กันทาสี
4. สีผสมอาหาร
5. ถ้วยสำหรับใส่สี

ส่วนผสมขนมลูกชุบ

  • ถั่วเขียวเลาะเปลือกนึ่งสุก 4 ถ้วย
  • หัวกะทิ 1.5 ถ้วย
  • น้ำเปล่า 1.5 ถ้วย
  • เกลือป่น 1/2 ชช
  • น้ำตาล 1.5 ถ้วย
วิธีทำ
1. นำถั่วเขียวไปแช่น้ำ 3-4 ชั่วโมง
2. แล้วนำไปนึ่งจนสุก
3. นำถั่วไปผสมกับกะทิและน้ำเปล่าแล้วปั่นให้ละเอียด 
4. ตั้งกระทะใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน แล้วนำถั่วที่ได้ไปกวนในกะทะ 1 ชั่วโมง และใส่น้ำตาลและเกลือ
5. กวนต่ออีก 1 ชั่วโมง ด้วยไฟกลางค่อนไปทางอ่อน…จนถั่วร่อนอออกจากกะทะและจับไม่เป็นก้อน

ส่วนผสมวุ้นที่ชุบ

  • ผงวุ้น 2 ชต.
  • น้ำเปล่า 2.5 ถ้วย
  • น้ำตาล 2.5 ชต.
วิธีทำ
1. นำผงวุ้นแช่ในน้ำ 20-30 นาที
2. นำขึ้นตั้งไฟคนเรื่อยๆจนเดือดแล้วใส่น้ำตาล สักพักยกลง

วิธีการปั้นลูกชุบ
1. ปั้นให้เป็นก้อนกลมๆเท่าๆกันก่อนนะคะ ประมาณเท่าเหรียญบาท 

2. หลังจากนั้นก็ปรับแต่งให้เป็นรูปทรงต่างๆ 
3. วิธีทำร่องใช้ไม้จิ้มฟันที่เราจะเสียบกด
วิธีการลงสี /ใช้สี 
สามารถใช้สีน้ำผสมอาหารยี่ห้อที่ใช้คือวินเนอร์ และใช้พู่กันเบอร์ 3 หรือ 4 กรณีสีมันเข้มไปให้ผสมน้ำเจือจางค่ะ และไล่สี…ปักทิ้งไว้ให้สีแห้ง ก่อนนำไปชุบวุ้นค่ะ

                                                              วิธีการชุบวุ้น
1. เราจะชุบประมาณ 3-5 ครั้ง (ชุบซัก 3 รอบ กำลังสวยค่ะ) ซ้ำๆไปจนเงางามตามภาพ…ชุบแล้วพักไว้จนลูกชุบเย็น แล้วจึงชุบซ้ำใหม่ไปเรื่อยๆจนครบจำนวนครั้ง
2. ชุบเสร็จก็คว่ำวางเหมือนเดิม
3. หลังจากนั้นก็นำเอาลูกชุบมาถอดไม้จิ้มฟันออกและใช้มีดตัดวุ้นที่ยาวเลยออกมาตามไม้ และตกแต่งติดก้านใบได้เลย ใบที่ใช้ตกแต่งนิยมใช้ใบแก้ว 
 
**แนะนำเพิ่มเติม**

  • ถ้าเวลาปั้นเสร็จแล้วลงสี เห็นเป็นร้อยแตก…อาจเกิดจากโดนลม ดังนั้นอย่าให้ขนมโดนลม จะทำให้ขนมแตก เวลาลงสีจะไม่สวย
  • หรือจะใส่แป้งมัน 1 ช้อน ก็จะช่วยปั้นได้ง่ายขึ้น

ข้าวเหนียวมูน

 

      ย่างเข้าหน้าร้อนแบบนี้ เมนูขนมไทยสุดฮิตที่มาพร้อมความฮอตของอากาศก็ต้องยกให้ข้าวเหนียวมะม่วงเขาล่ะ เมนูขนมที่คนไทยรัก คนต่างชาติหลง แต่ก็รู้ ๆ ว่า ถ้าซื้อข้าวเหนียวมูนกับมะม่วงสุกมากินเอง ราคาแพงนะคะ ทำเองดีไหม ? ฟิน !

 

เพราะเสน่ห์ของข้าวเหนียวมูนหวานหอมที่กินคู่กับผลไม้ตามฤดูกาลต่าง ๆ ก็อร่อยไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน หรือจะคู่กับขนมหวาน ๆ อย่างข้าวเหนียวหน้าต่าง ๆ เช่น หน้ากุ้ง สังขยา หน้าปลาก็อร่อยทุกจานจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ชาวต่างชาติต่างยกให้เป็นขนมหวานที่อร่อยที่สุดติดอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว วันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำเสนอ วิธีทำข้าวเหนียวมูนมาให้ได้ลองทำดูนะคะ

ส่วนผสม ข้าวเหนียวมูน                                                     

         • ข้าวเหนียวขาว 500 กรัม
• สารส้มโขลกละเอียด 1 ช้อนชา
• น้ำสำหรับแช่ข้าวเหนียว
• ใบเตยฉีกแล้วมัดประมาณ 10 ใบ
• หัวกะทิคั้นสด 350 มิลลิลิตร
• น้ำตาลทราย 200 กรัม
• เกลือป่น 2 ช้อนชา

ส่วนผสม ข้าวเหนียวมะม่วง

          • มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
          • ข้าวเหนียวมูน
          • กะทิ (สำหรับราด)
          • ถั่วเขียวซีกคั่ว

วิธีทำข้าวเหนียวมูน

• 1. ซาวข้าวเหนียวจนสะอาด ใส่สารส้มลงไป เติมน้ำเปล่าลงไปจนท่วมข้าวเหนียว จากนั้นคนผสมจนเข้ากัน แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง

• 2. ล้างข้าวเหนียวที่แช่กับสารส้มไว้จนสะอาด สะเด็ดน้ำแล้วพักไว้สักครู่

• 3. เทข้าวเหนียวลงในหวดนึ่งข้าว ใส่ใบเตยลงไป นำหวดไปวางลงในน้ำเดือด นึ่งนานประมาณ 20 นาที จนข้าวเหนียวสุก

• 4. ผสมหัวกะทิกับน้ำตาลทราย และเกลือป่นในอ่างผสมคนจะเข้ากัน เทข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วลงไป คนผสมจนเข้ากัน พักทิ้งไว้ 30 นาที จนข้าวเหนียวระอุ พร้อมเสิร์ฟคู่กับมะม่วงน้ำดอกไม้สุก

 ตักข้าวเหนียวมูนร้อน ๆ ใส่จาน จะโปะด้วยสังขยา หน้ากุ้ง หน้าปลา หรือเคียงคู่กับมะม่วงน้ำดอกไม้สุกก็ทำให้มื้ออาหารของคุณครบเครื่องความอร่อยดีจริงเชียว และด้วยความปรารถนาดีเตือนว่าอย่ารับประทานมากเกินไปนะคะ เพราะมีส่วนผสมของกะทิที่เป็นอริกับหุ่นเพรียว ๆ ของสาว ๆ นั่นเองค่ะ

 

 

สูตรข้าวตังหมูหยองหน้าน้ำพริกเผา 

ส่วนผสม

 

  1. ข้าวเจ้าสุก
  2. ข้าวเหนียวสุก
  3. น้ำพริกเผา
  4. น้ำพริกตาแดง
  5. นมข้นหวาน
  6. หมูหยอง
  7. น้ำมันสำหรับทอด

 

วิธีทำ

สำหรับใครที่มีแผ่นข้าวตังอยู่แล้วสามารถข้ามไปทำข้าวตังหน้าหมูหยองได้เลยค่ะ

ทำตัวข้าวตัง

  1. นำข้าวเจ้าสุกและข้าวเหนียวสุกมาผสมกัน และนำมาปั้นเป็นก้อนแบะๆ จนหมด
  2. น้ำข้าวที่ได้ไปคลึงจนเป็นแผ่นบาง แนะนำว่าให้ทำให้บางเท่ากันทั้งแผ่น เพราะเมื่อนำไปทอดจะได้สุกทั่วถึงทั้งแผ่น
  3. นำไปอบให้ข้าวแห้ง โดยใช้ความร้อนประมาณ 200 องศาเซลเซียส เวลา 10-15 นาที หรือในกรณีที่ไม่มีเตาอบสามารถนำข้าวไปตากแดด 2 แดด (หมายถึง 2 วัน) จนแห้ง สามารถใช้ได้เช่นกัน
  4. เมื่อข้าวแห้งดีแล้วจะได้ข้าวตังสำหรับทอดเพื่อทำในขั้นตอนถัดไป

ทำข้าวตังหน้าหมูหยอง

  1. นำน้ำพริกเผา 1 ส่วน นมข้นหวาน 1 ส่วน น้ำพริกตาแดง 1/4 ส่วน ผสมในภาชนะ และขนให้เข้ากัน น้ำพริกตาแดงใส่เข้าไปเพื่อความหอม สำหรับใครไม่มีไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ
  2. นำข้าวตังไปทอด โดยใช้ไฟปานกลาง น้ำมันพอท่วม นำข้าวลงไปทอดสักพักจนข้าวเหลืองทอง
  3. นำข้าวตังที่ทอดแล้ว พักให้สะเด็ดน้ำมัน
  4. นำน้ำพริกที่ผสมแล้วทาบนข้าวตัง จากนั้นโรยหน้าด้วยหมูหยอง มากน้อยตามความชอบ
  5. นำข้าวตังหน้าหมูหยองพริกเผาเข้าเตาอบอีกรอบ อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส เวลา 10-15 นาที ตามความเหมาะสม นำข้าวตังมาอบอีกรอบเพื่อถนอมข้าวตังให้กรอบทานได้นานๆ
  6. นำเก็บใส่กล่อง รอจนเย็น ถึงจะปิดฝาเก็บไว้รับประทาน

รูปภาพประกอบ

นำข้าวเจ้าสุกและข้าวเหนียวสุกมาผสมกัน และนำมาปั้นเป็นก้อนแบะๆ จนหมด

 

น้ำข้าวที่ได้ไปคลึงจนเป็นแผ่นบาง แนะนำว่าให้ทำให้บางเท่ากันทั้งแผ่น
เพราะเมื่อนำไปทอดจะได้สุกทั่วถึงทั้งแผ่น

 

ข้าวที่ได้หลังจากรีดเป็นแผ่นบาง ก่อนที่จะนำไปอบหรือตากแดด
นำไปอบให้ข้าวแห้ง โดยใช้ความร้อนประมาณ 200 องศาเซลเซียส
เวลา 10-15 นาที หรือในกรณีที่ไม่มีเตาอบ
สามารถนำข้าวไปตากแดด 2 แดด (หมายถึง 2 วัน) จนแห้ง

 

ส่วนผสมหน้าข้าวตัง น้ำพริกเผา (แม่ประนอม)
น้ำพริกตาแดง (ของฝากจากเชียงใหม่)
หมูหยองนวลจันทร์ (ของฝากจากสกลนคร)
ครีมเทียมข้นหวาน (เรือใบ)

 

ข้าวที่อบจนแห้งแล้ว

 

นำน้ำพริกเผา 1 ส่วน นมข้นหวาน 1 ส่วน น้ำพริกตาแดง 1/4 ส่วน
ผสมในภาชนะ และขนให้เข้ากัน
น้ำพริกตาแดงใส่เข้าไปเพื่อความหอม

 

นำข้าวตังไปทอด โดยใช้ไฟปานกลาง น้ำมันพอท่วม
นำข้าวลงไปทอดสักพักจนได้ข้าวเหลืองทอง
(เราอบข้าวนานไปเวลานำมาทอดขอบเลยไหม้ก่อน
และรีดข้าวบางไม่เท่ากันด้วย
เลยทำให้ตรงกลางข้าวยังพองสุกไม่ทั่ว
ฉะนั้นขั้นตอนการรีดข้าวสำคัญมาก)
นำน้ำพริกที่ผสมแล้วทาบนข้าวตัง จากนั้นโรยหน้าด้วยหมูหยอง มากน้อยตามความชอบ
นำข้าวตังหน้าหมูหยองพริกเผาเข้าเตาอบอีกรอบ อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส เวลา 10-15 นาที
ตามความเหมาะสม นำข้าวตังมาอบอีกรอบเพื่อถนอมข้าวตังให้กรอบทานได้นานๆ
นำเก็บใส่กล่อง รอจนเย็น ถึงจะปิดฝาเก็บไว้รับประทาน
เสร็จแล้วนะคะ ข้าวตังหมูหยอง เมนูง่ายๆ เป็นของว่างค่ะ

ข้าวต้มมัด

ส่วนผสม ข้าวต้มมัด

                                                                                                                                                   – ข้าวเหนียวเขี้ยวงูดิบ 2 ถ้วยตวง

– ถั่วดำ 1/2 ถ้วยตวง

– หัวกะทิ 3 ถ้วยตวง

– เกลือป่น 2 ช้อนชา

– ใบเตย

– น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง + 1/2 ถ้วยตวง

–  กล้วยน้ำว้า 16-18 ลูก (หรือเผือกกวน)

อุปกรณ์

ใบตองชั้นใน ขนาด 6×8 นิ้ว
ใบตองชั้นนอก ขนาด 8×9 นิ้ว
ตอก แช่น้ำให้นิ่มประมาณ 2-3 ชั่วโมง (หรือเชือก สำหรับห่ออาหาร)

วิธีทำข้าวต้มมัด

ข้าวต้มมัด

• ล้างข้าวเหนียวเขี้ยวงูประมาณ 2 ครั้ง นำไปแช่น้ำ สะอาดประมาณ 4 ชั่วโมงขึ้นไป หรือข้ามคืน พอแช่ครบเวลาตักขึ้นสะเด็ดน้ำ พักไว้

ข้าวต้มมัด

          • ล้างถั่วดำให้สะอาดแช่น้ำไว้ข้ามคืน นำไปต้มในน้ำเดือดพล่านประมาณ 30-40 นาที ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ พักไว้

ข้าวต้มมัด

          • ใส่หัวกะทิกับเกลือป่นลงในกระทะ นำขึ้นตั้งใช้ไฟปานกลางโดยคนไปในทิศทางเดียวกัน จากนั้นใส่ใบเตยลงไป

ข้าวต้มมัด

          • พอกะทิเดือดพล่านใส่ข้าวเหนียวลง ไปคนไปทิศทางเดียวกันเบา ๆ ด้วยพายยาง หรือพายไม้ อย่าคนมากจนเกินไปไม่เช่นนั้นเม็ดข้าวเหนียวจะหักและไม่สวย

ข้าวต้มมัด

          • พอคนไปประมาณ 2-3 นาที ข้าวเหนียวจะดูดซึมกะทิ ทำให้กะทิลดลงไปเยอะ

ข้าวต้มมัด

          • ผัดต่ออีกประมาณ 5-6 นาที จากนั้นปรับเป็นไฟอ่อน ข้าวเหนียวจะแห้งตัวลงเกือบสุก

ข้าวต้มมัด

          • ใส่น้ำตาลทรายลงไปแล้วคนไปเรื่อย ๆ

ข้าวต้มมัด

          • คนจนข้าวเหนียวขึ้นเงา ปิดไฟ

ข้าวต้มมัด

          • ปอกเปลือกกล้วยแล้วผ่าครึ่ง เตรียมไว้

ข้าวต้มมัด

วางใบตอง 2 ใบซ้อนกัน โดยหันด้านที่เป็นมันประกบกัน ตักถั่วดำใส่ลงไปตามชอบ

ตักข้าวเหนียวลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นวางกล้วยตามลงไป
ตักข้าวเหนียวอีกหนึ่งช้อนลงไปปิดทับหน้ากล้วย
พับใบตองครึ่งหนึ่งให้เป็นรูปสามเหลี่ยมให้เหลื่อมกันนิดหน่อย

ข้าวต้มมัด

• ต่อมาจึงพับปลายใบตองลงมาครึ่งหนึ่ง

• และพับอีกครึ่งหนึ่งลงมาให้สวยงาม

• พับเก็บริมใบตองขึ้นมาด้านหนึ่ง

• เริ่มจับจีบอีกด้านโดยให้จับห่อใบตองในลักษณะตั้งขึ้นแล้วก็ใช้นิ้วชี้มือขวากดไขว้ใบตองไปทางซ้าย

ข้าวต้มมัด

• ต่อมาก็กดพับใบตองโดยเก็บริมปลายใบตองลงมาให้สวยงาม อีกด้านก็ทำเช่นเดียวกัน

• พอทำครบก็จับทั้งสองชิ้นมาประกบกัน โดยหันด้านในชนกัน

• นำตอกมามัดให้แน่นเป็น 2 เปลาะ

• เก็บปลายตอกให้สวยงาม

ข้าวต้มมัด

• นำข้าวต้มมัดไปวางเรียงในชุดนึ่ง นำไปตั้งบนน้ำเดือดพล่าน ใช้ไฟแรงนึ่งประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ถึง 2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับขนาดของข้าวต้มมัด และการผัดข้าวเหนียวว่าสุกมากน้อยแค่ไหน)

ข้าวต้มมัด

• ข้าวต้มมัดสุกได้ที่แล้ว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที

ข้าวต้มมัด

• ยกออกจากเตา พักไว้ให้เย็น พร้อมเสิร์ฟ